ไม่ดีเลยครับ ถึงรูปแบบจะถูกต้อง แต่ผู้จัดการเป็นทั้งเจ้าของบัญชี เป็นทั้งผู้รับมอบอำนาจ และเป็นหัวหน้าของผู้อนุมัติรายการ (เผลอ ๆ บางวันอาจจะอนุมัติรายการเองก็ได้) สาระของการควบคุมที่มีจะถูกละเมิดเมื่อไหร่ขึ้นกับเวลา ลองนึกดูว่าถ้าผู้จัดการหายตัวไป ลูกค้าอ้างความเสียหายกี่ร้อยล้านธนาคารก็ต้องเชื่อ เหมือนกับกรณีที่สาขาวังน้อย ในปี 50

ไม่ควรปล่อยให้พนักงานธนาคารทำธุรกิจส่วนตัว หรือผูกพันประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกับลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะด้านการเงิน นายหน้า ปล่อยกู้ ซื้อมาขายไปซึ่งทรัพย์สิน หรือเป็นผู้มีอำนาจแทนลูกค้าหรือบุคคลภายนอก ในธุรกิจคล้ายกัน นอกจากจะเบียดบังเวลาทำงานแล้ว ยังเปิดช่องให้ทำทุจริตกับทรัพย์สินลูกค้า หรืออาศัยชื่อธนาคารไปหลอกลวงบุคคลภายนอกได้ ยิ่งถ้าเป็นระดับผู้บริหารที่มีอำนาจอนุมัติหรือเป็นตัวแทนธนาคาร ยิ่งไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ถ้าระเบียบวินัยและจรรยาบรรณพนักงาน ยังไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้ ควรรีบแก้ไขโดยด่วน

เบื้องต้นควรยืนยันยอดเงินในบัญชีกับลูกค้าโดยตรง รวมถึงรายการฝากถอนทุกรายการที่ลูกค้าไม่ได้มาทำด้วยตนเอง ต้องถือว่าบัญชีลูกค้ารายนี้เป็นบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริหารสาขา และควรจำกัดการโอนหรือถอนจำนวนมาก ๆ ให้รอการอนุมัติจากส่วนกลาง ระยะยาว ควรหมุนเวียนผู้ช่วยผู้จัดการและพนักงานเทลเลอร์ จากสาขาอื่นเข้าไปทำงานแทน และแจ้งหน่วยงานควบคุมและป้องกันการทุจริตในองค์กรให้จับตาดูเป็นกรณีพิเศษ 

ขอขอบคุณ อ.ไพรัช เป็นอย่างสูง สำหรับความคิดเห็น เป็นประโยชน์สำหรับการปฏิบัติงานมากคะ  

ในเบื้องต้นผู้ตรวจสอบได้ส่งหนังสือยืนยันยอดเงินในบัญชีถึงลูกค้าในทันที   สำหรับการหมุนเวียนหรือปฏิบัติงานแทนระเบียบปฏิบัติงานปัจจุบันได้กำหนดให้ผู้บริหารจะต้องลาพักผ่อนทุกปี และจะมีผู้บริหารจากสาขาอื่นมาปฏิบัติงานแทน